นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของ บริษัท โปโลเมคเกอร์ จำกัด
CCTV Policy of Polomaker Company.,Ltd.
จัดทำเมื่อวันที่ 04 มิถุนายน 2565
บทนำ
บริษัท โปโลเมคเกอร์ จำกัด ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ทราบถึงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (“นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) ที่ บริษัท โปโลเมคเกอร์ จำกัด ใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เพื่อเฝ้าดูแลภายในและรอบสถานที่ อาคาร สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ และ/หรือพื้นที่จัดกิจกรรม และ/หรือศูนย์บริการ และ/หรือสถานที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของ PMK Polomaker เพื่อคุ้มครองชีวิต สุขภาพ และทรัพย์สิน เราเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน กรรมการ ผู้รับจ้าง คนงาน ผู้มาเยือน ลูกค้า หรือบุคคลใดๆ ที่เข้าถึงพื้นที่ที่มีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดภายในอาคารและสถานที่ของเรา (เรียกรวมกันว่า “คุณ” หรือ “ของคุณ”) นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะอธิบายเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือการโอนไปยังต่างประเทศ ซึ่งข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของคุณได้ (“ข้อมูลส่วนบุคคล”)
PMK Polomaker ขอสงวนสิทธิในการแก้ไขนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ทุกเมื่อโดยใช้ดุลยพินิจของ PMK Polomaker แต่เพียงผู้เดียวในการเปลี่ยนแปลง ทบทวน ลบ และปรับปรุงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ PMK Polomaker จะใช้ความพยายามตามสมควรในการแจ้งให้คุณทราบด้วยวิธีการที่เหมาะสมหากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้
1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
PMK Polomaker เก็บรวบรวมภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของคุณ รูปภาพ และ/หรือเสียงซึ่งอาจรวมถึงทรัพย์สิน เช่น ยานพาหนะของคุณ หรือแหล่งข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้ตามที่เห็นได้จากวิดีโอจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเมื่อมีการเข้าถึงพื้นที่ที่มีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดภายในอาคารและสถานที่ของเรา
2. เหตุใดเราจึงเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
2.1 เราจะไม่เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย โอน และดำเนินการใดๆ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะการบันทึก ถือครอง ปรับเปลี่ยน ดัดแปลง แก้ไข ทำลาย ลบ กู้คืน รวม ทำสำเนา ส่ง เก็บรักษา แยก เปลี่ยน หรือเพิ่ม กับข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเพื่อจุดประสงค์ด้านล่างนี้ (“วัตถุประสงค์ในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด”) โดยไม่ได้รับการได้รับการยินยอมจากคุณ ยกเว้นกรณีดังต่อไปนี้
(1) เพื่อประโยชน์ต่อชีวิต เป็นเรื่องจำเป็นต่อการขัดขวาง ป้องกัน และ/หรือ ระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และสุขภาพของบุคคล เช่น เพื่อปกป้องสุขภาพและความปลอดภัย รวมถึงทรัพย์สินของคุณ
(2) ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเรา (1) ในการคุ้มครองสุขภาพและความปลอดภัยของคุณ รวมถึงทรัพย์สินของของคุณ อาคาร สถานที่ และทรัพย์สินของเราจากความเสียหาย ความขัดข้อง การทำลายทรัพย์สิน และอาชญากรรมอื่นๆ (2) เพื่อช่วยเหลือแก้ไขข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในกระบวนการทางวินัยหรือกระบวนการยุติเรื่องร้องทุกข์อย่างมีประสิทธิภาพ (3) เพื่อช่วยเหลือในการสอบสวนและกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเบาะแส (4) เพื่อช่วยเหลือในการเริ่มหรือต่อสู้คดี ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ คดีแรงงาน และ (5) เพื่อการกระทำการอื่นใดให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
เราจะยังคงพยายามสร้างสมดุลระหว่างประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายและประโยชน์ของบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณี รวมถึงสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของคุณในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ นอกจากนี้เราจะยังใช้ความพยายามในการหาขั้นตอนวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งความสมดุลดังกล่าว และ
(3) การปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่บังคับใช้ การให้ความร่วมมือกับหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐ และ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ กฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในที่ทำงาน เราถือว่าการใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิดเป็นมาตรการที่จำเป็นที่จะทำให้เราสามารถปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวได้ เช่น เพื่อสนับสนุนหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการขัดขวาง ป้องกัน และตรวจจับอาชญากรรม รวมถึงการฟ้องร้องเมื่อเกิดอาชญากรรม
2.2 เราจะติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในที่ที่เห็นได้ง่าย
2.3 กล้องโทรทัศน์วงจรปิดทำงานตลอด 24ชั่วโมง 365 วันต่อปี และจะมีการบันทึกทั้งแบบมีเสียงและไม่มีเสียง
3. บุคคลใดที่เราจะเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
3.1 เราจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไว้เป็นความลับ และจะไม่เปิดเผยหรือโอนข้อมูลดังกล่าวแก่ผู้ใด ยกเว้นบริษัทย่อย บริษัทในเครือ บุคคลภายนอกที่เราคัดเลือกอย่างระมัดระวังทั้งปัจจุบันและอนาคต ผู้ได้รับสิทธิ หุ้นส่วนของกิจการร่วมค้า และ/หรือผู้ให้บริการซึ่งอาจอยู่ในต่างประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ระบุในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้
3.2 เราอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ระบุในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ บุคคลที่เราอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ
(1) บริษัทในเครือของเรา เราอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้แก่บริษัทในเครือของเราเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเราและประโยชน์ของบริษัทในเครือ เพื่อทำตามวัตถุประสงค์ในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
(2) หน่วยงานรัฐ และ/หรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เราอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อสนับสนุนหรือช่วยเหลือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการสอบสวนหรือฟ้องร้องในคดีแพ่งหรืออาญาหรือปกครอง
(3) บุคคลภายนอก เราอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นในการปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของคุณ รวมถึงทรัพย์สินของคุณ
4. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย
4.1 เราใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเชิงองค์กร เทคนิค และบริหารจัดการเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจากความเสียหาย ความสูญเสีย การทำลาย การเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง และ การเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือโดยปราศจากอำนาจ
4.2 เราจะทำการตรวจสอบและปรับปรุงมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของเราเป็นครั้งคราวตามที่จำเป็นหรือเมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แน่ใจว่ามาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยมีประสิทธิภาพและเหมาะสม และเป็นไปตามข้อกำหนดขั้นต่ำของกฎหมายตามที่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องประกาศกำหนด
5. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
เราจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตามระยะเวลาที่จำเป็นต่อการดำเนินการตามหน้าที่เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ระบุในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ ในกรณีที่มีการดำเนินการทางศาลหรือทางวินัย ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณอาจถูกเก็บไว้จนกว่าจะสิ้นสุดการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งรวมถึงระยะเวลาที่เป็นไปได้ในการยื่นอุทธรณ์ด้วย หลังจากนั้นข้อมูลจะถูกลบหรือเก็บถาวรตามที่กฎหมายที่บังคับใช้อนุญาต
6. สิทธิทางกฎหมายของคุณในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ในบางกรณี เราอาจขอให้คุณยืนยันตัวตนของคุณก่อนดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของคุณภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ใช้บังคับ คุณอาจมีสิทธิตามที่ระบุไว้ดังนี้
(1) การเข้าถึง คุณอาจมีสิทธิในการขอเข้าถึงหรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เราเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยเกี่ยวกับคุณ ทั้งนี้ เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของคุณ เราอาจขอให้คุณพิสูจน์ตัวตนของคุณก่อนจะให้ข้อมูลตามที่คุณขอ
(2) การแก้ไขให้ถูกต้อง: คุณอาจมีสิทธิขอให้มีการดำเนินการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่เราได้เก็บรวบรวม ใช้ เก็บรักษา เปิดเผย และโอนไปยังต่างประเทศให้ ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
(3) การโอนย้ายข้อมูล: คุณอาจมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เรามีเกี่ยวกับคุณในรูปแบบที่มีการจัดระเบียบแล้วและสามารถอ่านได้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ และเพื่อส่งหรือโอนข้อมูลดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น โดยต้องเป็น (ก) ข้อมูลส่วนบุคคลที่คุณได้ให้กับเรา และ (ข) กรณีที่เราได้รับความยินยอมจากคุณในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่เรามีกับคุณ
(4) การคัดค้าน คุณอาจมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในบางรายการ
(5) การขอให้ระงับการใช้: คุณอาจมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในบางกรณี
(6) การถอนความยินยอม: สำหรับวัตถุประสงค์ที่คุณได้ให้ความยินยอมให้เราเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ คุณมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมของคุณ
(7) การลบหรือทำลายข้อมูล: คุณอาจมีสิทธิขอให้เราดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่เราเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผย เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูล เว้นเสียแต่ว่า การเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวของเรานั้นเป็นไปเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ เพื่อการใช้ หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
(8) การยื่นเรื่องร้องเรียน: คุณอาจมีสิทธิยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่มีอำนาจในกรณีที่คุณเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเรานั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่ใช้บังคับ
7. รายละเอียดในการติดต่อเรา
หากคุณต้องการใช้สิทธิของคุณตามที่ระบุด้านบน หรือถ้าคุณมีข้อสงสัย ข้อคิดเห็น และ/หรือคำถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของคุณภายใต้ประกาศนี้ โปรดติดต่อเราได้ที่
บริษัท โปโลเมคเกอร์ จำกัด
ที่อยู่ : เลขที่ 1097/1-3 ถนนพลโยธิน
แขวงพญาไท เขตพญาไท กทม. 10400
โทรศัพท์ : 02-094-4422
Email : [email protected]